วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หน่อไม้ยัดไส้

ส่วนผสม
หน่อไม้ไร่ต้มสุก
หมูสับ (ใช้ไก่สับแทนก็ได้ค่ะ)
กระเทียม พริกไทย ซีอิ๊วขาว
ผักชีนิดหน่อย (ไม่ชอบหรือไม่มีก็ไม่ต้องใส่)
แป้งโกกิ
น้ำมันสำหรับทอด

วิธีเตรียมหน่อไม้
ใช้ ไม้จิ้มฟัน ยีหน่อไม้ให้เป็นเส้น โดยเว้นส่วนหัวและหาง ของหน่อไม้ไว้
ไม่ให้ขาดออกจากกัน จะใช้ไม้เสียบลูกชิ้นหรือว่าปลายส้อมก็ได้

Image hosted by Photobucket.com

เสร็จแล้ววางพักไว้ เพราะเราจะมาปรุงหมูสับกันก่อน

Image hosted by Photobucket.com

ปรุงหมูสับ ด้วยกระเทียมสับ พริกไทยบด แป้งมันเล็กน้อย(ปลายช้อนกาแฟ)
น้ำเล็กน้อย และซีอิ๊วขาว ถ้าชอบผักชี ให้ใส่ผักชีหั่นลงไปเล็กน้อย

Image hosted by Photobucket.com

เอาหมูสับปรุงยัดเป็นไส้ ในหน่อไม้ที่ยีเตรียมไว้แล้ว
โดยเปิดส่วนที่ยีให้เป็นช่อง

Image hosted by Photobucket.com

แล้วใส่หมูสับปรุงลงไป

Image hosted by Photobucket.com

แล้วปิดให้เรียบร้อย

Image hosted by Photobucket.com

เตรียมแป้ง โดยเอาแป้งโกกิละลายน้ำ ให้เหนียวข้นพอที่จะเกาะหน่อไม้ได้ (ใช้แป้งทอดกรอบยี่ห้ออะไรก็ได้นะคะ แล้วแต่ชอบ)

Image hosted by Photobucket.com

เอาน้ำมันตั้งไฟให้ร้อน ควรใช้ภาชนะก้นลึก เพราะต้องทอดน้ำมันท่วม
เมื่อน้ำมันร้อนดีแล้ว จึงเอาหน่อไม้ยัดไส้ ชุบแป้ง

Image hosted by Photobucket.com

แล้วเอาลงไปทอดน้ำมัน

Image hosted by Photobucket.com

ระหว่างที่รอให้หน่อไม้สุกเหลือง เรามาทำน้ำจิ้มกัน
ถ้าแบบง่ายสุด ขี้เกียจทำ ก็เอาน้ำจิ้มไก่ มาผสมน้ำต้มสุกเล็กน้อย อาจปรุงเพิ่มด้วยมะนาว แล้วใส่ถั่วลิสงโขลกหยาบลงไป
แต่ถ้าจะให้เป็นน้ำจิ้มแบบเต็มยศ ก็ต้องตามสูตรนี้

ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้ม
รากผักชี กระเทียม
พริกขี้หนู
น้ำตาลปึก หรือน้ำตาลทราย
น้ำปลา หรือเกลือ มะนาว
ถั่วลิสงคั่ว

Image hosted by Photobucket.com

วิธีทำน้ำจิ้ม
โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกขี้หนู ให้แหลกเข้ากัน แล้วใส่ถั่วลิสงคั่วลงไป
ตำให้พอแตก แล้วตักใส่ถ้วย ปรุงรสด้วย มะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปึก เติมน้ำต้มสุกไปเล็กน้อย
ชิมให้ออกรสเค็ม เปรี้ยว หวาน แล้วโรยด้วยผักชีสับ

Image hosted by Photobucket.com

ทำน้ำจิ้มเสร็จ หน่อไม้สุกเหลืองพอดีค่ะ ก็เอาขึ้นสะเด็ดน้ำมันนะคะ ควรวางไว้บนตะแกรงให้หายร้อนก่อน

Image hosted by Photobucket.com

เวลากิน หากใครกลัวมือเลอะ ก็หั่นเป็นชิ้นๆ ตามขวาง
แต่ว่าถ้าจะให้ได้อารมณ์ ใช้มือฉีกหน่อไม้ตามยาว แล้วจิ้มน้ำจิ้ม

Image hosted by Photobucket.com

แค่นี้เองค่ะ ใครไม่เคยลองทำ ขอบอกว่า ต้องลองค่ะ
แล้วจะติดใจ อิอิ

น้ำพริกอ่องแสนอร่อย

เราชอบทำน้ำพริกอ่องทานเองค่ะสะใจกว่า เพราะตามที่มีขายกันอยู่ทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะหวานและแฉะน้ำท่วมจนหาเนื้อไม่เจอเลยก็มี มื้อนี้ขอแถมเมนูที่ได้จากน้ำพริกอ่องด้วยค่ะ เป็นเมนูทานเล่นและจานอร่อยอีก 1 อย่าง ไปชมกันเลยค่ะ...







เครื่องปรุงและวิธีทำมีดังนี้ค่ะ:







- หมูสับ 1/2 kg.
- พริกแห้ง 1 ถ้วยแช่น้ำไว้ ถ้าจะให้สีสวยน่าทานใช้ทั้งเม็ดเล็กและเม็ดใหญ่ค่ะ แต่วันนี้เรามีเม็ดเล็กอย่างเดียว
- หอมแดง 1 ถ้วย สำหรับปั่นพริกแกง อีก 1 ถ้วยซอยเตรียมเอาไว้
- กระเทียม 1 ถ้วย
- มะเขือเทศ ประมาณ 3 ขีด ใช้มะเขือเทศสีดาลูกเล็กที่สุดเท่าที่จะหาได้ หรือมะเขือเทศราชินี
- กะปิ 2 ช้อนคาว เกลือเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี







นำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม กะปิและเกลือมาปั่นรวมกันจนละเอียด








นำหอมแดงที่ซอยเตรียมไว้มาเจียวจนเหลืองกรอบ โดยใช้ไฟอ่อน








นำหอมเจียวมาปั่นรวมกับน้ำพริกที่ปั่นไว้แล้วจนเข้ากัน








ตั้งน้ำมันให้ร้อนผัดน้ำพริกกับน้ำมันในกระทะ ใช้ไฟกลางหมั่นผัดนะคะเดี๋ยวน้ำพริกไหม้แล้วจะขม








ผัดน้ำพริกจนกระทั่งมีสีเข้มขึ้น กลิ่นฉุนจนจามไปสามบ้านแปดบ้านกันแล้วใส่หมูสับลงไปผัดต่อ








เมื่อหมูสุกดีแล้วผัดต่ออีกหน่อยจนแห้ง ใส่มะเขือเทศลงไปผัด (คุณแฟนไม่ทานมะเขือเทศค่ะ เลยต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแบบนี้)







ผัดไปเรื่อยๆใช้ไฟกลางจนมะเขือเทศสุกและน้ำงวด เร่งไฟให้แรงขึ้นผัดจนแห้ง








มื้อนี้กว่าจะทำเสร็จก็มืดแล้วค่ะ หาข้าวนึ่งไม่ได้แล้วเลยทานกับข้าวสวยแทน เราชอบทานกับผักชี และขมิ้นขาวค่ะแต่เดี๋ยวนี้ขมิ้นขาวหายากแล้ว มื้อนี้เรากับคุณแฟนเลยต้องกลายเป็นครอบครัวผักชีแทน







ขอแถมเมนูที่ทานกับน้ำพริกอ่องแล้วอร่อยเหาะมาให้ชมกันซัก 2 เมนูนะคะ...








รู้จักข้าวแคบกันมั้ยคะ?

ส่วนผสม: ข้าวเหนียว(ข้าวสารเหนียว), งา, เกลือ
ข้าวแคบ เป็นอาหารว่างชนิดหนึ่ง ที่มีวิธีทำคล้ายข้าวเกรียบปากหม้อ แต่การทำข้าวแคบ เป็นการนำเอาแผ่นแป้งไปตากแดดให้แห้ง ทำให้สุกโดยปิ้งหรือทอด นิยมเก็บไว้รับประทานในงานเทศกาลสำคัญ เช่น ปีใหม่เมือง งานบวชลูกแก้ว งานปอยหลวง ปัจจุบัน ยังนิยมรับประทานกันอยู่ มีขายทั่วไปในท้องตลาดในภาคเหนือตอนบน





ข้าวซอยเนื้อ





ข้าวซอยเนื้อ :

- เนื้อวัวส่วนสะโพกหั่นเป็นชิ้น หรือหั่นเต๋าก็ได้ค่ะ
(ส่วนใครที่ไม่ทานเนื้อวัวสามารถเปลี่ยนเป็นน่องไก่ หรือปีกบนไก่ก็ได้นะคะ)
- บะหมี่ไข่
- กะทิ
- พริกแกงเผ็ด
- ผงกะหรี่
- ซุปก้อน
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำปลาเล็กน้อย








เครื่องเคียง :

- ผักกาดดองปรุงรส
(ผักกาดดองหั่น, พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง คั่วแล้วโขลกละเอียด, น้ำส้มสายชู, น้ำตาลทราย, เกลือ ผสมทุกอย่างให้เข้ากันเก็บไว้ได้นานค่ะ)
- หอมแดงซอย
- มะนาว








- ตั้งกะทิให้แตกมันใช้ไฟอ่อน ใส่พริกแกงเผ็ดลงไปกะเอาตามความชอบค่ะ คนให้พริกแกงละลายปล่อยให้เดือด ใส่ผงกระหรี่ลงไปประมาณ 1/2 ชต.

- เมื่อน้ำงวดลงเติมน้ำสะอาดลงไปใส่ซุปก้อน ปล่อยให้เดือดพล่านแล้วจึงใส่เนื้อวัวที่หั่นไว้แล้วลงไป เมื่อน้ำเดือดอีกครั้งเคี่ยวเนื้อวัวให้เปื่อยลงโดยใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน

- เมื่อเนื้อวัวเปื่อยได้ที่แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา ปล่อยให้เดือดสักครู่จึงลดเป็นไฟอ่อน








- นำเส้นบะหมี่มายีให้กระจายตัวออกจากกัน แบ่งทอดเพื่อใช้โรยหน้า
(เราชอบเลยทอดเยอะค่ะ แผ่นเกี๊ยวยี่ห้อเดียวกันนี้ก็อร่อยค่ะเหมือนจะมีขายแค่ในเชียงราย)

- ต้มส่วนที่เหลือในน้ำเดือดพล่านและพักไว้ในน้ำเย็นจัดเพื่อไม่ให้เส้นสุกต่อ เส้นจะได้ไม่เละด้วยค่ะ







- ตักน้ำข้าวซอยราดลงบนเส้นบะหมี่ที่ต้มไว้แล้ว โรยหน้าด้วยบะหมี่กรอบและหอมแดง
(ของเราโรยหมี่กรอบจนไม่เห็นอะไรเลย)

- ทานกับเครื่องเคียงที่เตรียมไว้ ถ้าชอบทานเปรี้ยวก็บีบมะนาวเพิ่มค่ะ



น้ำพริกหนุ่ม+หมูทอดเกลือ





เครื่องปรุงมีดังนี้ค่ะ:







- พริกหนุ่ม (ถ้าชอบเผ็ดมากเพิ่มพริกกะเหรี่ยงลงไปด้วยก็ได้ค่ะ แต่วันนี้ไม่ได้ใส่)
- หอมแดง, กระเทียม อย่างละเท่าๆกัน
- น้ำปลาดี
- มะนาว
- เกลือเล็กน้อย



วิธีทำ:







ตัดก้านพริกหนุ่มทิ้งค่ะ จะคั่วก่อนแล้วมาตัดทีหลังพร้อมลอกเปลือกก็ได้







คั่วพริกหนุ่ม หอมแดง และกระเทียมในกะทะ ใช้ไฟอ่อนๆ ใจเย็นๆคั่วไปเรื่อยๆ ถ้ามีเตาอบ หรือเตาถ่ายก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไรค่ะ







คั่วจนทั้ง 3 อย่าง สุกจนนิ่ม แต่อย่าให้นิ่มมากนะคะ เอาแค่สีประมาณนี้พอค่ะ







ลอกเปลือกพริกหนุ่มออก ใส่ทั้ง 3 อย่างลงโถปั่น หรือจะโขลก ยังไงก็ได้แล้วแต่ ใส่เกลือไปเล็กน้อย เพื่อให้โขลกง่ายขึ้น ไม่ต้องให้แหลกมากนะคะ น้ำพริกหนุ่มถ้าใช้โขลกเรายังจะเห็นเนื้อพริกหนุ่มเป็นเส้นๆอยู่ แต่ปัญญาของเครื่องปั่นกดปั่นหยาบๆยังไงก็ยังละเอียดอยู่ดี ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี และน้ำมะนาว เราใส่สองอย่างเท่าๆกันค่ะ รสชาดออกเผ็ด เค็ม เปรี้ยวกำลังดี บางบ้านใส่น้ำปลาร้าลงไปด้วย ก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ แต่เราไม่ชอบเท่าไรเลยไม่ใส่ ทานกับแคปหมู และข้าวนึ่งร้อนๆก็อร่อยแล้วค่ะ






หมูทอดสูตรนี้ง่ายจริงๆค่ะ...







เครื่องปรุง:
- เนื้อหมูหั่นชิ้นหนาหน่อย
- เกลือ







หั่นชิ้นประมาณนี้กำลังดีค่ะ หรือใครจะหั่นชิ้นใหญ่กว่านี้ก็ได้ ทอดเสร็จแล้วค่อยเอามาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำก็ไม่ว่ากัน หมักเนื้อหมูด้วยเกลือเล็กน้อย จะทอดทันทีหรือเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนก็ได้ค่ะ











ทอดในน้ำมันปาล์มใช้ไฟกลาง เวลาทอดให้รอจนแห้งไปด้านนึงแล้วค่อยกลับค่ะ







วันนี้ขอเป็นเมนูธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาค่ะ โดยปกติมักจะทานน้ำพริกหนุ่มกับข้าวนึ่ง แต่มื้อนี้ไม่อยากทานข้าวนึ่งให้หนักท้อง แถมวันนี้ทานข้าวคนเดียวเลยไม่อยากหุงข้าว เมื่อเช้าไปตลาดกะว่าพรุ่งนี้จะทำขนมจีน เลยขออิ่มด้วยเมนูหน้าตาแบบนี้ค่ะ ขนมจีนหน้าหมูทอด ทานคู่กับน้ำพริกหนุ่มและผักชี อร่อยไปอีกแบบเหมือนกันค่ะ














...ซูมให้ดูค่ะ เวลาทานก็ตักน้ำพริกหนุ่มมาวางบนขนมจีน ถ้ามีผักสลัดทานด้วยทำเป็นเมี่ยงไว้ทานเล่นก็ได้ค่ะ หรือจะเปลี่ยนจากขนมจีนมาเป็นข้าวนึ่งแบบต้นตำรับก็ไม่ว่ากัน ลองทำทานกันดูนะคะ

แกงฮังเล/ แกงโฮ๊ะ

แกงฮังเล/คั่วโฮะ
แกงฮังเล
เข้าวันสงกรานต์แล้ว แถวบ้านที่เชียงใหม่
จะมีวันที่ไปวัดกัน เวลาไปวัดก็จะทำแกงฮังเลไป
เป็นอีกเทศกาลที่ได้กินแกงฮังเล เบื่อกันไปเลย
ในฐานะที่อยู่ไกลบ้าน ลุกมาทำแกงฮังเลกะเค้าบ้าง
แต่ไม่ได้เอาไปวัดหรอกค่ะ ทำกินกันเอง
ให้เข้ากับบรรยากาศสงกรานต์

Image hosting by Photobucket





เครื่องแกงฮังเล
พริกแห้ง เม็ดเล็ก 20 เม็ดใหญ่ 5
หอมแดง 2-3 หัว
กระเทียม 5 กลีบใหญ่
ข่า 7 แว่น
ตะไคร้ หั่นละเอียด 2 ต้น
เกลือ 1 หยิบมือ
รากผักชี 1 ราก ตัดติดลำต้นมาประมาณ 1 นิ้ว หั่นละเอียด
ขมิ้น 1 ข้อนิ้ว หรือ ขมิ้นผง ปลายช้อนชา
กะปิประมาณปลายช้อน

โขลกเครื่องแกงทั้งหมด ยกเว้นกะปิ จนกระทั่งละเอียดและเหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน
ใส่กะปิ โขลกต่ออีกสักครู่ให้เข้ากัน

ส่วนผสม
หมูสามชั้น หรือส่วนโคนขาหมู หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ แต่ละชิ้นติดหนังมาด้วย ประมาณ ½ โล
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
ขิง 1 แง่งซอยเป็นเส้น
น้ำมะขามเปียก
กระเทียมดอง ฉีกแยกให้เป็นกลีบๆ พักไว้
ผงแกงฮังเล 1 ซอง
เครื่องแกงฮังเลครึ่งหนึ่งของที่เตรียมไว้ อีกครึ่ง ใส่ภาชนะที่ปิดสนิท แช่ตู้เย็นไว้ใช้ครั้งต่อไปได้
น้ำตาลปี๊บเล็กน้อย

ผงแกงฮังเล หรือฮินเล มีขายเป็นซอง ซองละห้าบาท
แถวบ้านมณี มีขาย ยี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียว น้องสาวส่งมาให้ค่ะ

Image hosting by Photobucket




อันนี้กระเทียมดอง ขิงซอยเส้น และถั่วลิสงคั่ว เตรียมไว้ใส่ตอนหลังนะคะ

Image hosting by Photobucket




วิธีทำ
1. เครื่องแกงที่โขลกเสร็จ เอาไปคลุกเคล้ากับหมูสามชั้น โรยด้วยผงแกงฮังเล หมักไว้ซักพัก
2. หม้อตั้งไฟ ใส่น้ำมันไปเล็กน้อย เอาหมูที่หมักเครื่องแกงไว้ ลงไปผัดให้หอม และหมูตึงตัว
3. เติมน้ำลงไปพอท่วม แล้วเคี่ยวทิ้งไว้ จนกระทั่งหมูสุก นุ่ม ถึงตอนนี้ อาจต้องช้อนน้ำมันออกจากผิวหน้าบ้าง น้ำมันที่ช้อนไว้ อย่าทิ้ง เก็บไว้ทำแกงโฮะในมื้อต่อไปได้
4. ใส่ถั่วลิสงคั่วลงไป ใส่ขิง และกระเทียมดองเคี่ยวต่อซักพัก
5.เมื่อหมูเริ่มนุ่มให้ปรุงรสด้วยน้ำมะขาม เกลือ ให้กลมกล่อม ออกรสเค็ม เปรี้ยวเล็กน้อย
ตัดรสด้วยน้ำตาลปี๊บนิดหน่อย ใครชอบหวานก็ใส่มากหน่อย
Image hosting by Photobucket




เมื่อทำแกงฮังเล มักมีน้ำแกงที่เหลืออยู่
ส่วนใหญ่ มักจะเอามาทำแกงโฮะ หรือ คั่วโฮะ
โดยหลักการ คือเอากับข้าวพวกแกงๆ ผัดๆ
ที่เหลือ มารวมกัน หลักการคงคล้ายจับฉ่ายมังคะ
แต่ที่บ้านมณี จะทำคั่วโฮะโดยการเอาพวกผักๆ
มาผัดกับแกงฮังเลที่เหลือค่ะ

แกงโฮะ คั่วโฮะ
ส่วนผสม
1.แกงฮังเลที่เหลือจากมื้อก่อนๆ
2.ผัก เช่น ตำลึง หน่อไม้ดอง หน่อไม้ต้ม ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน ใบผักชีฝรั่ง (หอมป้อมเป้อ) เห็ดนางฟ้าก็ใส่ได้ ใบมะกรูด หากไม่มีตำลึง ใช้ผักใบเขียวอย่างอื่นได้เช่นยอดถั่วลันเตา ผักน้ำ หรือยอดฟักแม้ว ตะไคร้หั่นเฉียง
3.วุ้นเส้นแช่น้ำให้นิ่ม
4.พริกขี้หนูสวนประมาณขยุ้มเล็กๆ ตามชอบ

วิธีทำ
ใส่น้ำมันที่ลอยหน้าแกงฮังเลลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ตบกระเทียมใส่ซักกลีบ ใส่ตะไคร้ลงไปผัด เอาผักลงไปผัด เริ่มจากผักที่สุกยากก่อน ใส่แกงฮังเลที่เหลือ แล้วค่อยใส่ผักใบ และพริกขี้หนู ใส่วุ้นเส้น ชิมรสดู หากไม่เค็ม ปรุงด้วยน้ำปลา เมื่อได้รสที่ต้องการแล้ว โรยใบมะกรูดฉีก ตักเสิร์ฟ กินกับข้าวเหนียวร้อนๆ แคบหมู

Image hosting by Photobucket